บริการรับทำ SEO กับการใช้งานการตั้งค่าการเข้าถึงของเว็บไซต์

Robots.txt file

Sitemap

HTTP status codes

การจัดทำดัชนี

การตั้งค่าการเข้าถึงเว็บไซต์มีความสำคัญกับบริการรับทำ SEO อย่างไร

การตั้งค่าการเข้าถึงเว็บไซต์ที่ส่งผลต่อ SEO ได้แก่:

1.Robots.txt file: ไฟล์นี้ระบุว่าหน้าหรือส่วนใดของเว็บไซต์ไม่ควรถูกรวบรวมข้อมูลโดยเครื่องมือค้นหา

2.Sitemap: แผนผังไซต์คือไฟล์ที่แสดงรายการหน้าทั้งหมดของเว็บไซต์และถูกใช้โดยเครื่องมือค้นหาเพื่อรวบรวมข้อมูลเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

3.HTTP status codes: รหัสสถานะ HTTP เช่น 404 (ไม่พบ) และ 301 (ย้ายถาวร) แจ้งเครื่องมือค้นหาเกี่ยวกับความพร้อมใช้งานและการเข้าถึงของหน้าเว็บ

4.การจัดทำดัชนี: เจ้าของเว็บไซต์สามารถควบคุมหน้าที่จะจัดทำดัชนีโดยเครื่องมือค้นหาผ่านการใช้เมตาแท็ก (เช่น “noindex”) และแผนผังไซต์ XML

Robots.txt file

ไฟล์ robots.txt เป็นไฟล์ข้อความธรรมดาที่วางอยู่บนเว็บไซต์เพื่อสั่งเว็บโรบ็อท (มักเรียกว่าซอฟต์แวร์รวบรวมข้อมูลของเครื่องมือค้นหา) ว่าหน้าหรือส่วนใดของเว็บไซต์ไม่ควรได้รับการรวบรวมข้อมูลและจัดทำดัชนี ไฟล์ robots.txt ทำหน้าที่เป็นชุดคำสั่งสำหรับซอฟต์แวร์รวบรวมข้อมูลของเครื่องมือค้นหาและเว็บโรบ็อทอื่น ๆ และมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้โรบ็อทเหล่านั้นเข้าถึงส่วนต่างๆ ของเว็บไซต์ที่เจ้าของเว็บไซต์ไม่ต้องการให้รวมอยู่ในผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา

ไฟล์ robots.txt ใช้รูปแบบมาตรฐานของ Robots Exclusion Protocol (REP) ซึ่งเป็นที่รู้จักโดยเครื่องมือค้นหาหลักทั้งหมด ไวยากรณ์ของไฟล์นั้นเข้าใจได้ง่ายและไม่ซับซ้อน ทำให้เจ้าของเว็บไซต์สามารถระบุได้ว่าส่วนใดของเว็บไซต์ที่ไม่ควรให้โรบ็อทรวบรวมข้อมูลโดยใช้คำสั่ง “ไม่อนุญาต” ที่เฉพาะเจาะจง

Sitemap

Sitemap คือไฟล์ที่แสดงรายการ URL ทั้งหมดของเว็บไซต์และให้ข้อมูลเกี่ยวกับ URL แต่ละรายการ เช่น เวลาที่อัปเดตครั้งล่าสุด การเปลี่ยนแปลงบ่อยเพียงใด และความสำคัญที่สัมพันธ์กันกับหน้าอื่นๆ บนเว็บไซต์ เครื่องมือค้นหาจะใช้ Sitemap เพื่อรวบรวมข้อมูลเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเพื่อทำความเข้าใจโครงสร้างและเนื้อหาของเว็บไซต์

การมี Sitemap สามารถช่วยปรับปรุงการเผยแพร่และการจัดทำดัชนีของหน้าเว็บไซต์ในเครื่องมือค้นหา เนื่องจากจะช่วยให้เครื่องมือค้นหามีแผนงานของไซต์และช่วยให้คุณค้นพบหน้าเว็บที่อาจถูกมองข้าม Sitemap ยังให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับเนื้อหาของไซต์ และสามารถใช้จัดลำดับความสำคัญของการรวบรวมข้อมูลของบางหน้าได้

Sitemap มีสองประเภทหลัก: HTML Sitemap ซึ่งออกแบบมาสำหรับผู้เยี่ยมชมที่เป็นมนุษย์ และ XML Sitemap ซึ่งมีไว้สำหรับเครื่องมือค้นหาโดยเฉพาะ XML Sitemap เป็นประเภทที่ใช้บ่อยที่สุดและถูกส่งไปยังเครื่องมือค้นหาผ่านบัญชีเว็บมาสเตอร์ รูปแบบ XML Sitemap เป็นมาตรฐานและได้รับการยอมรับจาก search engines รายใหญ่ทั้งหมด ทำให้บริษัทรับทำ SEO สามารถสื่อสารข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับไซต์ไปยัง search engines ได้อย่างสอดคล้องและมีประสิทธิภาพ

HTTP status codes

รหัสสถานะ HTTP เป็นรหัสสามหลักที่ระบุสถานะของคำขอที่ส่งโดยเจ้าของเว็บไซต์ เช่น เว็บเบราว์เซอร์หรือซอฟต์แวร์รวบรวมข้อมูลของเครื่องมือค้นหา ไปยังเซิร์ฟเวอร์ รหัสสถานะ HTTP ใช้เพื่อสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับความสำเร็จหรือความล้มเหลวของคำขอ และให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับทรัพยากรที่ร้องขอและเงื่อนไขคำขอ

HTTP status codes ทั่วไปบางส่วน ได้แก่:

200 OK: คำขอสำเร็จ และเซิร์ฟเวอร์ได้ส่งคืนเนื้อหาที่ร้องขอ

201 สร้างแล้ว: คำขอสำเร็จ และเป็นผลให้ทรัพยากรใหม่ถูกสร้างขึ้น

204 ไม่มีเนื้อหา: คำขอสำเร็จ แต่ไม่มีตัวแทนที่จะส่งคืน (เช่น การตอบกลับว่างเปล่า)

301 ย้ายอย่างถาวร: ทรัพยากรที่ร้องขอถูกย้ายไปยัง URL ใหม่อย่างถาวร

302 พบ (ก่อนหน้านี้คือ “ย้ายชั่วคราว”): ทรัพยากรที่ร้องขออยู่ภายใต้ URL อื่นเป็นการชั่วคราว

404 ไม่พบ: ไม่พบทรัพยากรที่ร้องขอบนเซิร์ฟเวอร์

410 Gone: ทรัพยากรที่ร้องขอไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป และจะไม่ถูกส่งคืนอีก

500 Internal Server Error: เกิดข้อผิดพลาดบนเซิร์ฟเวอร์ ทำให้ไม่สามารถดำเนินการตามคำขอได้

HTTP status codes เหล่านี้มีความสำคัญกับบริการรับทำ SEO เนื่องจากจะแจ้งให้เครื่องมือค้นหาทราบเกี่ยวกับความพร้อมใช้งานและการเข้าถึงของหน้าเว็บ และอาจส่งผลต่อวิธีการรวบรวมข้อมูลและจัดทำดัชนีหน้าเว็บ ตัวอย่างเช่น รหัสสถานะ 301 ย้ายอย่างถาวรจะส่งสัญญาณไปยังเครื่องมือค้นหาว่าหน้าเว็บได้ย้ายไปยัง URL ใหม่อย่างถาวรแล้ว และควรแทนที่ URL เก่าด้วย URL ใหม่ในดัชนี ในทางกลับกัน รหัสสถานะ 404 Not Found จะบอกเครื่องมือค้นหาว่าหน้านั้นไม่มีอยู่อีกต่อไป และพวกเขาควรลบออกจากดัชนีของตน

การจัดทำดัชนี

 การทำดัชนีหมายถึงกระบวนการที่เครื่องมือค้นหารวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ และจัดเก็บเนื้อหาของหน้าเว็บในฐานข้อมูลเพื่อให้ผู้ใช้สามารถค้นหาและเข้าถึงได้ เมื่อเครื่องมือค้นหารวบรวมข้อมูลเว็บไซต์ เครื่องมือค้นหาจะติดตามลิงก์ในหน้าต่างๆ เพื่อค้นหาเนื้อหาใหม่ จากนั้นจึงแยกและประมวลผลเนื้อหาเพื่อสร้างดัชนี ซึ่งเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของข้อมูลทั้งหมดที่รวบรวมไว้เกี่ยวกับเว็บไซต์

เจ้าของเว็บไซต์สามารถควบคุมหน้าที่จะจัดทำดัชนีโดยเครื่องมือค้นหาผ่านการใช้เมตาแท็ก (เช่น “noindex”) XML sitemaps ตัวอย่างเช่น เมตาแท็ก “noindex” เป็นคำสั่งที่บอกเครื่องมือค้นหาว่าไม่ต้องจัดทำดัชนีหน้าใดหน้าหนึ่ง ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับหน้าต่างๆ ที่ไม่ได้มีไว้สำหรับการใช้งานสาธารณะ เช่น หน้าเข้าสู่ระบบและแดชบอร์ดการดูแลระบบ

บริษัทรับทำ SEO จำเป็นต้องเข้าใจการจัดทำดัชนี เนื่องจากวิธีการจัดทำดัชนีหน้าเว็บอาจส่งผลต่อการเผยแพร่และการทำอันดับเว็บไซต์ในเครื่องมือค้นหา ตัวอย่างเช่น หากหน้าไม่ได้รับการจัดทำดัชนี หน้านั้นจะไม่ถูกรวมไว้ในผลการค้นหา และหากหน้าได้รับการจัดทำดัชนีที่ไม่ดี หน้านั้นอาจอยู่ในอันดับที่ไม่ดีสำหรับข้อความค้นหาที่เกี่ยวข้อง บริษัทรับทำ SEO สามารถช่วยปรับปรุงการแสดงผลและการจัดอันดับเว็บไซต์ในเครื่องมือค้นหา และเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ได้ด้วยการควบคุมการจัดทำดัชนีเว็บไซต์อย่างเหมาะสม

การใช้การตั้งค่าการเข้าถึงเหล่านี้อย่างถูกต้องสามารถช่วยปรับปรุงการทำ SEO ของเว็บไซต์ได้โดยการทำให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจ รวบรวมข้อมูล และจัดทำดัชนีเนื้อหาได้ง่ายขึ้น